กิเลสครอบงำสัตว์โลก
ภิกษุทั้งหลาย
! ความกลัวเกิดจากโทษของตน(กายทุจริต
วจีทุจริต มโนทุจริต) เธอทั้งหลายจงมองดูคนที่มุ่งร้ายกัน เราจักกล่าวความสังเวช ตามที่เราเคยสังเวชมาแล้ว
(การเสวยผลกรรมในนรก)
โลกทั้งหมดไม่มีแก่นสาร สังขารทั่วทุกทิศก็หวั่นไหว เราเมื่อต้องการภพสำหรับตน ก็มองไม่เห็นฐานะอะไร ที่ไม่ถูกครอบงำ
เพราะเห็นสัตว์มีที่สิ้นสุด และถูกสกัดกั้น ความไม่ยินดีจึงมีแก่เรา อนึ่ง เราเห็นลูกศรที่เห็นได้ยาก อันอาศัยหทัยในสัตว์ เหล่านี้แล้ว
สัตว์ถูกลูกศรใดปักติดแล้ว วิ่งพล่านไปทั่วทิศทาง เพราะถอนลูกศรนั้นได้แล้ว จึงไม่ต้องวิ่งพล่าน
ไม่ต้องล่มจม ( ลูกศร คือราคะ
โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ โสกะ ความสงสัย)
นรชนพึงควบคุมความหลับ ความเกียจคร้าน ความย่อท้อ ไม่พึงอยู่ด้วยความประมาท ไม่พึงตั้งอยู่ด้วยความดูหมิ่น พึงน้อมใจไปในนิพพาน
นรชน
ไม่พึงยินดีสังขารเก่า ไม่พึงทำความพอใจในสังขารใหม่
เมื่อสังขารเสื่อมไป ก็ไม่พึงเศร้าโศก ไม่พึงติดกับกิเลสเครื่องเกี่ยวข้อง
ผู้ใดข้ามกาม และเครื่องข้องที่ล่วงได้ยากในโลกได้แล้ว ผู้นั้น ย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ละโมบ เป็นผู้ตัดกระแสได้แล้ว ไม่มีเครื่องผูก
เธอจงทำกิเลส ที่ปรารภสังขาร ในส่วนเบื้องต้น (สังขารในอดีต) ให้เหือดแห้งไป เครื่องกังวลที่ปรารภสังขาร ในส่วนภายหลัง (สังขารในอนาคต)อย่าได้มีแก่เธอ ถ้าเธอไม่ถือสังขาร ในส่วนท่ามกลาง(ขันธ์ 5) ไว้ ก็จักเป็นผู้สงบเที่ยวไป
ความยึดถือว่าเป็นของเราในนามรูป ย่อมไม่มีแก่ผู้ใด โดยประการทั้งปวง และผู้ใดไม่เศร้าโศก เพราะไม่มีความยึดถือว่าเป็นของเรา ผู้นั้นแล ย่อมไม่เสื่อมในโลก
กิเลส
เครื่องกังวลว่า สิ่งนี้ของเรา หรือสิ่งนี้ของคนอื่น
ย่อมไม่มีแก่ผู้ใด ผู้นั้น เมื่อไม่ได้ความยึดถือว่าเป็นของเรา
ย่อมไม่เศร้าโศก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น