วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กาย

กาย


ภิกษุทั้งหลาย ! กายนี้มิใช่ของพวกเธอ ทั้งมิใช่ของผู้อื่น กายนี้กรรมเก่าควบคุมไว้  จิตประมวลไว้ พึงเห็นว่า เป็นที่ตั้งแห่งเวทนา อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ย่อมมนสิการปฏิจจสมุปบาทโดยแยบคายในกายนั้นว่า 
เพราะเหตุนี้ เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้จึงดับไป 

ความว่างเปล่า 10 ประการ



 ความว่างเปล่า 10 ประการ

       บุคคลพิจารณาเห็นโลกโดย ความว่างเปล่า ด้วยอาการ 10 อย่าง คือ พิจารณาเห็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร  วิญญาณ
      1.     โดยความเป็นของว่าง
      2.     โดยความเป็นของเปล่า
      3.     โดยความเป็นของสูญ
      4.     โดยความเป็นอนัตตา
      5.     โดยความไม่มีแก่นสาร
      6.     โดยความเป็นดุจเพชฌฆาต
      7.     โดยความเป็นของปราศจากความเจริญ
      8.     โดยความเป็นเหตุแห่งความลำบาก
      9.     โดยความเป็นของมีอาสวะ
      10.   โดยความเป็นของที่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง

ปัญหาอชิตมาณพ




ปัญหาอชิตมาณพ

        อชิตมาณพ ศิษย์ของพราหมณ์พาวรี กราบทูลถามพระพุทธเจ้า กราบทูลถาม เรื่อง โลกถูกอะไรห่อหุ้มไว้  โลกไม่สดใสเพราะอะไร   อะไรเป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้   อะไรเป็นภัยใหญ่หลวงของโลก  พระพุทธองค์ตอบว่า  
        อชิตะ ! เธอจงรู้เถิดว่า อวิชชาเป็นศีรษะวิชชาที่ประกอบด้วยสัทธา สติ สมาธิ ฉันทะ และวิริยะ เป็นธรรมที่ทำให้ศีรษะตกไป
       โลกถูกอวิชชาห่อหุ้มไว้  โลกไม่สดใสเพราะความตระหนี่ และความประมาท เราเรียก ความอยากว่า เป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้ ทุกข์เป็นภัยใหญ่หลวงของโลก
        กระแสเหล่าใดในโลก สติเป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้นได้ เรากล่าวธรรมเครื่องป้องกันกระแสทั้งหลาย ปัญญาปิดกั้นกระแสทั้งหลายเหล่านั้นได้
       นามและรูปนั้น  ดับไม่มีส่วนเหลือในที่ใด  นามรูปนั้นก็ดับไปในที่นั้น  เพราะวิญญาณดับ
( ความตระหนี่ ได้แก่ มัจฉริยะ 5 อย่าง คือ ที่อยู่  ตระกูล  ลาภ วรรณะ  และธรรม)