การบันลือสีหนาทของท่านพระสารีบุตร
ภิกษุรูปหนึ่ง
กล่าวหาพระสารีบุตรกับพระผู้พระภาคเจ้าว่ากระทบตนแล้วไม่ขอโทษจาริกไป
พระสารีบุตรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าในท่ามกลางที่ประชุมสงฆ์ให้ทรงทราบว่า
ข้าแด่พระองค์ผู้เจริญ ! ภิกษุใดไม่ตั้งมั่นในกายคตาสติ
(สติไปในกาย) ไว้ในกาย ภิกษุนั้นกระทบเพื่อนพรหมจารีรูปใดรูปหนึ่ง ในธรรมวินัยนี้แล้วไม่ขอโทษ
จาริกไป
๑. ชนทั้งหลายย่อมทิ้งของสะอาดบ้าง ทิ้งของไม่สะอาดบ้าง ทิ้งคูถบ้าง
ทิ้งมูตรบ้าง ทิ้งน้ำลายบ้างทิ้งหนองบ้าง ทิ้งเลือดบ้าง ลงบนแผ่นดิน แต่แผ่นดินก็ไม่อึดอัดระอา หรือรังเกียจในสิ่งนั้น
แม้ฉันใด ข้าพระองค์ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีใจเสมอด้วยแผ่นดิน ไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ
(ความเป็นใหญ่ข่มกิเลสได้) ไม่มีขอบเขต ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่
๒. ชนทั้งหลายย่อมล้างของสะอาดบ้าง ล้างของไม่สะอาดบ้าง ล้างคูถ
(อุจจาระ)บ้าง ล้างมูตร(ปัสสาวะ)บ้าง ล้างน้ำลายบ้าง ล้างหนองบ้าง ล้างเลือดบ้างในน้ำ แต่น้ำก็ไม่อึดอัดระอา หรือรังเกียจสิ่งนั้น แม้ฉันใด ข้าพระองค์
ก็ฉันนั้น เหมือนกัน มีใจเสมอด้วยน้ำไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ ไม่มีขอบเขต ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่
๓. ไฟย่อมไหม้ของสะอาดบ้าง ไหม้ของไม่สะอาดบ้าง ไหม้คูถบ้าง ไหม้มูตรบ้าง ไหม้น้ำลายบ้าง
ไหม้หนองบ้าง ไหม้เลือดบ้าง แต่ไฟก็ไม่อึดอัดระอา
หรือรังเกียจสิ่งนั้น แม้ฉันใด ข้าพระองค์ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีใจเสมอด้วยไฟ ไพบูลย์
เป็นมหัคคตะ ไม่มีขอบเขต ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่
๔. ลมย่อมพัดของสะอาดบ้าง พัดของไม่สะอาดบ้าง พัดคูถบ้างพัดมูตรบ้าง พัดน้ำลายบ้าง
พัดหนองบ้าง พัดเลือดบ้าง แต่ลมก็ไม่อึดอัดระอา หรือรังเกียจสิ่งนั้น แม้ฉันใด ข้าพระองค์ก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีใจเสมอด้วยลม ไพบูลย์
เป็นมหัคคตะ ไม่มีขอบเขต ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่
๕. ผ้าเช็ดธุลีย่อมเช็ดของสะอาดบ้าง เช็ดของไม่สะอาดบ้าง เช็ดคูถบ้าง เช็ดมูตรบ้าง
เช็ดน้ำลายบ้าง เช็ดหนองบ้าง เช็ดเลือดบ้าง แต่ผ้าเช็ดธุลี ก็ไม่อึดอัดระอา หรือรังเกียจสิ่งนั้น แม้ฉันใด
ข้าพระองค์ ก็ฉันนั้น เหมือนกัน มีใจเสมอด้วยผ้าเช็ดธุลี ไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ ไม่มีขอบเขต
ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่
๖. เด็กจัณฑาลชาย หรือเด็กจัณฑาลหญิง หิ้วตระกร้านุ่งผ้าชายขาด
เมื่อเข้าไปสู่บ้านหรือนิคม ย่อมตั้งจิต นอบน้อมเท่านั้นเข้าไป แม้ฉันใด ข้าพระองค์ก็ฉันนั้น มีใจเสมอด้วยเด็กจัณฑาลชาย
หรือเด็กจัณฑาลหญิง ไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ ไม่มีขอบเขต ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่
๗. โคผู้เขาหัก สงบเสงี่ยม ได้รับการฝีกมาดี ได้รับการแนะนำมาดีให้สำเหนียกดี
เดินไปตามถนนหนทาง ตามทางแยกน้อยใหญ่ไม่ดีด หรือขวิดใคร ๆ แม้ฉันใด ข้าพระองค์ก็ฉันนั้น มีใจเสมอด้วยโคผู้เขาหัก ไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ
ไม่มีขอบเขต ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่
๘. สตรีหรือบุรุษที่ยังหนุ่มสาว มีปกติชอบแต่งตัว สรงน้ำดำหัวแล้ว พึงอึดอัด
ระอา หรือรังเกียจซากงู ซากสุนัข หรือซากมนุษย์ที่คล้องคอไว้ แม้ฉันใด ข้าพระองค์ก็ฉันนั้น ย่อมอึดอัด ระอา หรือรังเกียจกายอันเน่าเปื่อยนี้
๙. ข้าแด่พระองค์ผู้เจริญ บุรุษประคองถาดน้ำมันข้น ที่มีช่องน้อย ช่องใหญ่
น้ำไหลออกได้ข้างบนไหลออกได้ข้างล่าง แม้ฉันใด ข้าพระองค์ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมบริหารกายที่มีช่องน้อยช่องใหญ่
ไหลเข้าไหลออกอยู่
(ช่องน้อย ช่องใหญ่ หมายถึง ปากแผลทวารทั้ง ๙ ได้แก่ ช่องตาทั้งสอง ช่องจมูกทั้งสอง ช่องหูทั้งสอง
ปาก ทวารหนัก และทวารเบา)
เมื่อพระสารีบุตรกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าเสร็จแล้ว
ภิกษุรูปที่กล่าวหาพระสารีบุตร ได้หมอบกราบลงแทบพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้วขอขมาโทษ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส ขอให้ท่านพระสารีบุตร
อดโทษให้แก่ภิกษุรูปนั้น ก่อนที่ศีรษะของภิกษุรูปนั้นจะแตกเป็น ๗ เสี่ยง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น