วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ตัณหา

ตัณหา

            ภิกษุทั้งหลาย !  เงื่อนต้นแห่งภวตัณหา (ความทะยานอยากในภพ)  ย่อมไม่ปรากฎ ในกาลก่อนแต่นี้ ภวตัณหาไม่มี ภายหลังจึงมี  เพราะฉะนั้น  เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ ก็เมื่อเป็นเช่นนี้ ภวตัณหาที่มีข้อนี้ เป็นปัจจัยจึงปรากฎ
          ภวตัณหา          มีอาหาร   คือ  อวิชชา
          อวิชชา             มีอาหาร  คือ  นิวรณ์ 5 
          นิวรณ์ 5           มีอาหาร  คือ  ทุจริต 3 
          ทุจริต 3                     
                          มีอาหาร คือ ความไม่สำรวมอินทรีย์
  ความไม่สำรวมอินทรีย์        
                          มีอาหาร คือ ความไม่มีสติสัมปชัญญะ
          ความไม่มีสติสัมปชัญญะ   
                          มีอาหาร คือ การมนสิการโดยไม่แยบคาย
        การมนสิการโดยไม่แยบคาย  มีอาหาร  คือ ความไม่มีศรัทธา
ความไม่มีศรัทธา                มีอาหาร  คือ  การไม่ฟังสัทธรรม
        การไม่ฟังสัทธรรม              มีอาหาร  คือ  การไม่คบสัตบุรุษ

การไม่คบสัตบุรุษที่บริบูรณ์   
                               ย่อมทำให้การไม่ฟังสัทธรรมบริบูรณ์
การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์    
                              ย่อมทำให้ไม่มีศรัทธาบริบูรณ์
ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์     
                             ย่อมทำให้ การมนสิการโดยไม่แยบคายบริบูรณ์
การมนสิการโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์  
                             ย่อมทำให้ไม่มีสติสัมปชัญญะ
ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ 
                             ย่อมทำให้ความไม่สำรวมอินทรีย์บริบูรณ์


        ความไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์  ย่อมทำให้ทุจริต 3 บริบูรณ์
ทุจริต 3  ที่บริบูรณ์                   ย่อมทำให้นิวรณ์ 5  บริบูรณ์
นิวรณ์ 5  ที่บริบูรณ์                  ย่อมทำให้อวิชชาบริบูรณ์
อวิชชาที่บริบูรณ์                      ย่อมทำให้ภวตัณหาบริบูรณ์
ภวตัณหามีอาหารอย่างนี้           และบริบูรณ์อย่างนี้แล  **

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น