พ้นทุกข์ด้วยพุทธธรรม
โลภะ
โทสะ โมหะ เกิดขึ้นภายในตน
ย่อมประทุสร้าย ผู้มีจิตเลวทราม ดุจขุยไผ่ กำจัดต้นไผ่ ฉันนั้น
เพราะถือมั่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตัณหา มานะ ทิฎฐิว่า “เรามี จึงมี”
เพราะไม่ถือมั่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตัณหา มานะ ทิฎฐิว่า “เรามี จึงไม่มี”
เพราะถือมั่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตัณหา มานะ ทิฎฐิว่า “เรามี จึงมี”
เพราะไม่ถือมั่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตัณหา มานะ ทิฎฐิว่า “เรามี จึงไม่มี”
เข้าโลกุตตรธรรมได้ เมื่อละ “รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ” ได้แล้ว ดุจถอนรากถอนโคนต้นตาลไปแล้ว ละตัณหาได้ เป็นอรหันต์
สิ้นภาวะสังโยชน์ และภพ
ธรรมที่
“ควรกำหนดรู้ ”ด้วยปัญญาอันยิ่ง คืออุปาทานขันธ์ ๕
“
ภิกษุทั้งหลาย ! ไม่เศร้าโศกถึงอดีต ไม่คิดถึงอนาคต กำหนดอยู่กับปัจจุบัน เพราะเหตุนั้นผิวพรรณจึงผ่องใส เพราะคิดถึงอนาคต
เศร้าโศกถึงอดีต ด้วยเหตุนี้ภิกษุทั้งหลาย ผู้เขลาจึงซูบซีด เหมือนต้นอ้อสด
ที่ถูกถอนขึ้นแล้วฉันนั้น”
“สารีบุตร เธอมีอินทรีย์ผ่องใส มีผิวพรรณบริสุทธิ์ผุดผ่อง
เธออยู่ด้วยวิหารธรรมอะไร เป็นส่วนมากในบัดนี้”
ท่านพระสารีบุตร กราบทูลพระพุทธองค์ว่า “ข้าพระองค์อยู่ด้วยสุญญตาวิหารธรรม (ธรรมเป็นเครื่องอยู่ คือความว่าง) เป็นส่วนมากในบัดนี้ พระพุทธเจ้าข้า”
พระพุทธองค์ ตรัสว่า “ ดีละ! ดีละ! สารีบุตร
เธออยู่ด้วยธรรมของมหาบุรุษ เป็นส่วนมากในบัดนี้ เพราะวิหารธรรมของมหาบุรุษ คือ สุญญตา
เราควรอยู่ด้วยสุญญตาวิหารเป็นส่วนมาก”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น