การเจริญสมถะ
และวิปัสสนาควบคู่กัน
๑.
ภิกษุเจริญวิปัสสนา อันมีสมถะนำหน้า เมื่อเธอเจริญวิปัสสนา อันมีสมถะนำหน้า มรรคย่อมเกิด
เธอเสพ เจริญ ทำให้มากซึ่งมรรค เมื่อเธอเสพ เจริญ ทำให้มากซึ่งมรรคนั้นอยู่
ย่อมละสังโยชน์ได้ อนุสัยทั้งหมด ย่อมสิ้นสุดไป
๒. ภิกษุเจริญสมถะ อันมีวิปัสสนานำหน้า
เมื่อเธอเจริญสมถะ อันมีวิปัสสนานำหน้า มรรคย่อมเกิด เธอเสพ เจริญ
ทำให้มากซึ่งมรรค เมื่อเธอเสพ เจริญ ทำให้มากซึ่งมรรคนั้นอยู่ ย่อมละสังโยชน์ได้
อนุสัยทั้งหมดย่อมสิ้นสุดไป
๓. ภิกษุเจริญสมถะ และวิปัสสนาควบคู่กันไป
เมื่อเธอเจริญสมถะและวิปัสสนาควบคู่กันไป มรรคย่อมเกิด เธอเสพ เจริญ
ทำให้มากซึ่งมรรค เมื่อเธอเสพ เจริญ ทำให้มากซึ่งมรรคนั้นอยู่ ย่อมละสังโยชน์ได้
อนุสัยทั้งหมดย่อมสิ้นสุดไป
๔. ภิกษุมีใจถูกอุทธัจจะในธรรมกั้นไว้ ในเวลาที่จิตตั้งมั่น สงบภายใน มีภาวะที่จิตเป็นหนึ่งผุดขึ้น ตั้งมั่นอยู่
มรรคย่อมเกิดขึ้นแก่เธอ เธอเสพ เจริญ ทำให้มากซึ่งมรรค เมื่อเธอเสพ เจริญ
ทำให้มากซึ่งมรรคนั้นอยู่ ย่อมละสังโยชน์ได้ อนุสัยทั้งหมดย่อมสิ้นสุดไป
สมถะ
หมายถึง อุบายทำให้จิตสงบจากกิเลสทั้งปวง มี ๔๐ รูปแบบใหญ่
วิปัสสนา หมายถึง อุบายทำให้เกิดปัญญา ได้แก่ การพิจารณาขันธ์ ๕
และธรรมทั้งปวง ให้เห็นแจ้งตามความเป็นจริง เพื่อถอดถอนการยึดติดถือมั่น
หรือเพื่อละกิเลสตัณหาทั้งปวง เพื่อการดับทุกข์)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น